Thursday, May 29, 2014

Review: Biotherm Life Plankton Essence

สวัสดีค่าา.. วันนี้จะมาพูดถึง Essence ที่กระแสแรงที่สุดในตอนนี้
จะเป็น Essence ตัวไหนไปไม่ได้ นอกจาก
"Life Plankton Essence จาก Biotherm"



ทำไม Essence ตัวนี้ถึงเป็นที่สนใจ ไปดูกันเลยค่าา

.
.
.

Life Plankton คืออะไร ? มีประโยชน์อย่างไร ? 
คงจะเป็นประโยคคำถามยอดฮิตจาก Essence ขวดนี้

Plankton คือ สิ่งมีชีวิตเล็กๆที่อาศัยอยู่ในน้ำ มีหลากหลายชนิด 
แต่สิ่งที่ Biotherm ได้ศึกษานำมาสร้างส่วนผสมของ Life Plankton คือ
จุลินทรีย์ จากน้ำพุร้อนกลางเทือกเขา Pyrenees



ซึ่ง Biotherm ได้ทำการวิจัย แล้วพบว่า
Life Plankton นั้นช่วยกระตุ้นกระผลัดเซลล์ผิว และช่วยรักษาความชุ่มชื้นอีกด้วย

.
.
.

และ Biotherm Life Plankton Essence เคลมแรงถึงขนาดที่ว่า
"สัมผัสถึงผิวอ่อนเยาว์ลง ร่วม 3 ปี ใน 8 วัน"



นั่นเป็นเพราะ ใน Biotherm Life Plankton Essence นั้น มีส่วนผสมของ
Life Plankton™ อยู่ถึง 5%
ซึ่งเป็นความเข้มข้นสูงสุดเท่าที่ทางแบรนด์เคยใช้มาเลยล่ะ

.
.
.

รู้จักตัวผลิตภัณฑ์กันไปแล้ว มาดูเนื้อสัมผัส และผลลัพธ์ที่ได้กันจะดีกว่าา



ขวดที่เราได้ลองเป็นขนาดทดลอง 30 ml ซึ่งเหลือเฟือสำหรับการทดลองใช้ 8 วัน

วิธีใช้จากข้างขวด: ทาบริเวณใบหน้า เขย่าขวดก่อนใช้


เนื้อเอสเซ้นส์: มีความขุ่นนิดๆ ไม่ได้ใสซะทีเดียว เนื้อเหลว เกลี่ยง่าย
มีความหนืดเล็กน้อย

กลิ่น: เอสเซ้นส์ตัวนี้มีน้ำหอมนะคะ แต่ก็กลบกลิ่นตุ่ยๆได้ไม่หมด
แต่ใช้ไปทุกวันมันก็ชินเองแหละค่ะ
ไม่ได้เหม็นจนขนาดไม่อยากใช้ แต่ก็ไม่ได้หอมจนถึงขนาดต้องยกขึ้นมาดมนะคะ
สำหรับเราเรารับได้สบายมากค่าา เพื่อผิวสวย!
สำหรับใครที่ระคายเคืองง่ายควรเทสก่อนนะคะ แต่สำหรับเราไม่แพ้ 

วิธีใช้ของเรา: ล้างหน้า > โทนเนอร์ > Biotherm Life Plankton Essence > มอยส์เจอร์ไรเซอร์

ถ้าเป็นตอนเช้าเราจะทากันแดดต่อ และแต่งหน้าตามปกติ
ปริมาณที่เราใช้ ประมาณ เหรียญห้าบาท

สภาพผิวของเรา: ผิวผสม ทีโซนมัน ยูโซนค่อนข้างแห้ง ผิวเป็นสิวง่าย โดยเฉพาะเวลามีประจำเดือน และมีรอยดำ รอยแดงจากสิว ไม่ใช่คนผิวแพ้ง่าย

Lifestyle: เราทำงานและนอนไม่เป็นเวลา ซึ่งบางวันเราต้องเข้าเวรกะดึก
และเราก็นอนไม่เพียงพอเท่าไหร่ ตัวทำลายผิวเลย ><

ผลลัพธ์หลังใช้ทันที: ผิวนุ่มขึ้นทันที คือเอสเซ้นส์ตัวนี้ให้ความชุ่มชื้นได้ดีจริงๆ
เวลาเราแต่งหน้าต่อ รู้สึกเกลี่ยพวกเบสเมคอัพได้ง่ายขึ้น
คือรู้สึกว่ามันทำให้ผิว smooth ขึ้น
และยังทำให้เครื่องสำอางติดทนอีกด้วย คือหลังใช้ครั้งแรกรู้สึกได้เลยค่ะ

ผลลัพธ์หลังใช้ 8 วัน: เราใช้แล้วไม่แพ้นะ แต่ช่วงที่เราทดลองเป็นช่วงที่เรามีประจำเดือน ซึ่งทำให้เราสิวขึ้นโดยปกติอยู่แล้ว แต่สิวเราขึ้นน้อยลง และสิวที่ขึ้นยังอักเสบน้อยลงอีกด้วย ผิวเรานุ่มขึ้น แน่นขึ้น Smooth ขึ้น เพราะมีความชุ่มชื้นมากขึ้น ดูจากริ้วความแห้งใต้ต้าได้เลย หายไปหมดเลย รูขุมขนก็เหมือนจะกระชับขึ้น คือโดยรวมเห็นผลเกือบครบทุกข้อที่เค้าเคลม ไม่ว่าจะเป็น ผิวค่อยๆเปล่งปลั่งขึ้น คือผิวเราไม่โทรม แม้เราต้องเข้าเวรกะดึก ริ้วรอยลดเลือน (สำหรับเราเห็นเรื่องริ้วผิวจากความแห้งนะคะ) ผิวหยาบกระด้างลดลง ผิวชุ่มชื้นฉ่ำน้ำ ผิวยืดหยุ่น ผิวนุุ่ม ผิวเรียบเนียน ขาดก็แต่สีผิวซึ่งเรายังไม่เห็นผล อาจจะต้องใช้เวลานานกว่านี้อีกหน่อย


ราคา และปริมาณ: ขนาดจริง 125 มล. ราคา 2,300 บาท
เราว่าเอสเซ้นส์ขวดนี้คุณภาพเกินราคานะ
เพราะใช้แล้วเห็นผลจริง และยังใช้ปริมาณครั้งละนิดเดียวอีกด้วย
ขวดนึงคงใช้ได้หลายเดือนแน่ๆ

Quick Tip: เราสามารถนำเอสเซ้นส์มาทำเป็นมาส์กหน้าได้ด้วยนะคะ หลังจากล้างหน้าและปรับสภาพผิวแล้ว ให้หยดเอสเซ้นส์ใส่สำลีหรือแผ่นมาส์กเปล่าให้ชุ่ม และนำไปมาส์กหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที และนำมาส์กออก แล้วนวดเบาๆให้เอสเซ้นส์ซึมสู่ผิวได้เลยค่ะ หรือจะนวดผิวตามรูปด้านล่างก็ได้ประโยชน์ไปอีกแบบนะคะ


.
.
.

สรุป

ข้อดี: ให้ความชุ่มชื้นได้ดี
ลดการอักเสบผิวได้ดี
หาซื้อได้ง่ายตามเคาน์เตอร์ Biotherm ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป

ข้อเสีย: มีน้ำหอม
หากใช้มากไปอาจจะทำให้เหนอะหน่ะได้

สุดท้ายนี้ อยากให้ดูรีวิวไว้เป็นแนวทางนะคะ
เราเขียนออกมาด้วยความรู้สึกที่เราได้รับจริงๆ
ซึ่งผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผลลัพธ์ที่ออกมากก็อาจจะแตกต่างกันได้ค่าาา

Wednesday, January 2, 2013

Review: Provamed Gluta Complex Bio Serum

เมื่อกลางเดือนธันวาที่ผ่านมา เราได้รับเซรั่มตัวนึงมาลองค่ะ
เนื่องจากเราได้เข้าร่วมกิจกรรม

ร่วมเป็นโปร ผิวกระจ่างใส กับ โปรวาเมด กล้าท้าให้วัดความกระจ่างใส ภายใน14วัน

และเราได้รับการคัดเลือก^^


ซึ่งเซรั่มที่จะรีวิวในวันนี้จะเป็นตัวไหนไปไม่ได้ นอกจาก Provamed Gluta Complex Bio Serum หรือ
จะเรียกสั้นๆว่า Provamed Gluta serum ก็ได้ค่ะ ซึ่งตัวนี้ก็เป็น Best seller ของแบรนด์อีกด้วยค่ะ



ในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยกับกระแสความขาวกระจ่างใส และหนึ่งในสารยอดฮิตก็คงหนีไม่พ้น Glutathione ใช่ไหมล่ะคะ


 ซึ่ง Provamed Gluta serum ตัวนี้มีส่วนผสมสำคัญคือ


สารสกัดจากข้าวสาลี ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายกับ Glutathione ในแง่ของ Antioxidants
ซึ่งมีคุณสมบัติให้ผิวขาวกระจ่างใส ลดริ้วรอย และป้องกันการเสื่อมสภาพของคอลลาเจน

สารสกัดจากธรรมชาติ หรือ Natural Essence มีกรดอะมิโนต่างๆที่จำเป็นต่อผิว
ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดรอยเหี่ยวย่น รวมถึงชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร



และ Hyaluronic acid มีสารสกัดจากซิตรัส
ซึ่งมีคุณสมบัตืในการ เพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ



ซึ่งเมื่อสามตัวบนมารวมกัน ก็จะได้ Triple Bright Action

สรุปง่ายๆคือ เซรั่มตัวนี้มีคุณสมบัติที่ครอบคลุมทั้ง ปรับสีผิวให้กระจ่างใสสม่ำเสมอ,
ช่วยลดเลือนริ้วรอย
และ ยังให้ความชุ่มชื้นอีกด้วย

วิธีใช้จากข้างกล่อง ลูบไล้เซรั่มบริเวณผิวหน้าและลำคอ ตอนเช้าและก่อนนอน อย่างสม่ำเสมอ

Glory Lily's review


แพคเกจ: เราชอบแพคเกจของเจ้าเซรั่มนี้มากๆ เป็นหลอดพลาสติกทึบ ปลายแหลม และฝาเกลียวหมุน ทำให้บีบเซรั่มออกมาได้ง่าย อากาศและสิ่งสกปรกเข้าไปในหลอดได้ยาก
และหลอดยังพกพาสะดวกอีกด้วย
แต่ข้อเสียของมันก็มีนะ คือมันไม่ได้ซีลที่ปลายหลอดไว้
แต่มีสติกเกอร์ปิดคาดที่ฝากล่องบรรจุภัณฑ์อยู่นะคะ



เนื้อเซรั่ม: เราก็ชอบมากอีกนั่นแหละ ไม่ได้อวยนะแต่ชอบจริงๆ คือมันไม่ได้เหลวเหมือนเซรั่มทั่วไป แต่เนื้อเหมือนเจล เป็นสีขาวขุ่น เกลี่ยง่าย และซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะเลย
และไม่ทิ้งความมันไว้ที่ผิวเลย ไม่เชื่อลองดูจากภาพได้ J

กลิ่น: เราว่าเซรั่มตัวนี้มีกลิ่นน้ำหอมที่ค่อนข้างแรงเลยค่ะ แต่เรารับได้ และเราว่ามันหอมดี ฮ่าๆ



วิธีใช้ของเรา ล้างหน้า > โทนเนอร์ > Provemed Gluta Serum > โลชั่น 

แต่ถ้าเป็นตอนเช้าเราทากันแดดปิดท้ายอีกขึ้นตอนหนึ่ง และแต่งหน้าตามปกติ
ปริมาณที่เราใช้ ประมาณเครึ่งเม็ดถั่วแดง โดยโทนเนอร์และโลชั่นเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทรักษาสิว

สภาพผิวของเรา เราผิวผสม ทีโซนมันมาก แต่ข้างแก้มแห้ง เป็นสิว และรอยดำ รอยแดงจากสิวเยอะ ไม่ใช่คนผิวบอบบาง หรือแพ้ง่าย


ผลลัพธ์ที่ได้

ผลลัพธ์หลังใช้ทันที ผิวมีความชุ่มชื้นขึ้น ลื่นขึ้น และมีกลิ่นติดผิว

ผลลัพธ์หลังใช้ 14 วัน เราใช้แล้วเราไม่แพ้ และไม่อุดตัน สำหรับเราสิวไม่ขึ้นเพิ่มนะ
 


ด้านความขาวกระจ่างใส
เรารู้สึกว่าหน้าเราค่อยๆกระจ่างใสขึ้น สีผิวโดยรวมดูสม่ำเสมอมากขึ้น
เป็นการเห็นผลแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปมากกว่า 
อย่างในรูป หลังจากใช้เวลา 14 วัน รอยดำก็จางลงพอสมควร แต่ยังไม่หายไปซะทีเดียว
คาดว่าถ้าใช้ครบหนึ่งเดือนขึ้นไป น่าจะเห็นผลได้ชัดเจนกว่านี้


ด้านริ้วรอย
เราไม่ได้มีปัญหาริ้วรอยเท่าไหร่ เลยสังเกตผลไม่ได้นะคะ


ด้านความชุ่มชื้น
ส่วนตัวเราคิดว่าเซรั่มตัวนี้ให้ความชุ่มชื้นที่เหมาะกับคนผิวผสมค่อนข้างมัน ถึงผิวมันมากกว่า
อย่างที่บอกว่าข้างแก้มเราแห้ง เซรั่มตัวนี้ให้ความชุ่มชื้นได้ไม่เพียงพอความต้องการของผิวเรา
แต่เราชอบที่เซรั่มไม่ทำให้ทีโซนเรามันมากขึ้นเลย 
แล้วเราก็ใช้โลชั่นตัวอื่นตามอีกหนึ่งตัวจึงไม่มีปัญหาเรื่องความชุ่มชื้น


ราคา ปริมาณ และคุณภาพ
ปริมาณ 30 มิลลิลิตร มีอายุหลังจากเปิด 1 ปี ราคาข้างกล่อง 590 บาท

เรื่องราคาเนี่ย หลากหลายตามสถานที่ที่ขายนะ ไปซื้อร้านขายยามักจะได้ราคาที่ถูกกว่านี้
เราคิดว่าปริมาณ ราคาและคุณภาพเหมาะสมดี แต่เราอยากให้เค้าทำหลอด 50 ml ออกมาน่ะ
เรารู้สึกว่า
30 ml มันน้อยไป ฮ่าๆ


สรุป

ข้อดี: หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยา และ Watsons
แพคเกจใช้งานง่าย สะดวกแก่การพกพา
เนื้อเซรั่ม เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่เหนอะหน่ะ ไม่ทำให้ผิวมันเพิ่ม
ปรับสีผิวให้สว่าง และลดเลือนจุดด่างดำได้แบบค่อยเป็นค่อยไป

ข้อเสีย
: กลิ่นน้ำหอมอาจจะฉุนไปสำหรับบางคน
ความชุ่มชื้นอาจจะไม่พอสำหรับคนผิวผสมค่อนไปทางแห้ง และคนผิวแห้ง






สุดท้ายนี้ อยากให้ทุกคนดูรีวิวเราไว้เป็นแนวทางนะคะ ไม่ต้องเชื่อทั้งหมดก็ได้
แต่อยากให้ลองด้วยตัวเอง เพราะผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ผลลัพธ์ออกมาก็อาจจะแตกต่างกันได้จ้า